หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

สวามี สารวะปรียานันฑะ - จิตสำนึก คือ ตัวตน หรือ?

 จิตสำนึก คือ อัตตา/ตัวตน?

Is Consciousness the Self? | Swami Sarvapriyananda

เวฑานตะ สมาคม แห่ง นิวยอร์ค(Vedanta Society of New York) เป็นสาขาหนึ่งของ คณะ รามากฤษณะ แห่งอินเดีย(the Ramakrishana Order of India), อันที่จริงแล้ว, นี้เป็นศูนย์แรกของคณะ(the Order’s first Center)ที่ถูกเริ่มต้นโดย สวามี วิเวกอนันฑะ(Swami Vivekananda), ในปี 1894.  เป็นเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์, ในการเป็นเมล็ดพันธุ์ในวงกว้างทั่วโลกขององค์การ รามากฤษณะที่ได้เพาะปลูกขึ้นที่นี่ใน นิวยอร์ค กว่าหนึ่งศตวรรษมาแล้ว. สวามี สารวะปรียานันฑะ(Swami Sarvapriyananda) เป็นผู้ว่าการทำเนียบและผู้นำทางจิตวิญญาณในปัจจุบัน(the present Resident Minister and Spiritual Leader)แห่งสมาคม เวฑานตะแห่ง นิวยอร์ค(of the Vedanta Aociety of New York).

พิธีกร: เป็นคำถามที่ธรรมดาอย่างมาก(very simple question), อะไรคือ, อะไรเป็นตัวเชื่อมโยง(the link)ระหว่าง, จิตสำนึก(consciousness)และปราณ(prana). และเป็นคำถามที่สองว่า, จิตสำนึกนี้(this consciousness)คือ เชตนะ(Chetana – sense/ความรู้สึก)?, จิตสำนึกของเรา(our consciousness)คือ อาตมะ(Atma)? ใช่หรือไม่?

สวามี สารวะปรียานันฑะ:     สองคำถาม, เชื่อมโยงกันระหว่าง จิตสำนึก กับ ชีวิต(link between consciousness and life).

         และมันเป็นจิตสำนึก(consciousness), ถ้าคุณแปล(translate)อะไรที่คุณพูดในสันสกฤต(Sanskrit), ถ้าคุณแปลว่าจิตสำนึก(consciousness)ว่าจิตสำนึก(consciousness)หรือว่า จิตสำนึก(consciousness)คือ อัตตา/ตัวตน(is the self).

         คำตอบตรงอย่างสั้นอันแรกคือ(the straight first short answer), อะไรคือตัวเชื่อมโยง(the link)ระหว่างจิตสำนึก(consciousness)และชีวิต(life), จิตสำนึก(consciousness)คือ รากฐานของชีวิต(the foundation of life). ในแง่มุมของอฑวิตะ เวฑานตะ(according to Advaita Vedante).

         และอะไรที่จิตสำนึก เป็นจิตสำนึก หรือ จิตสำนึกที่เป็นอัตตา/ตัวตน? คำตอบก็คือ, ใช่ กับทั้งสองจิตสำนึก(yes to both consciousness). แน่นอนว่าจิตสำนึกคือจิตสำนึก. และจิตสำนึกนั่นเองที่เป็นอัตตา/ตัวตน(the self).

         คำถามก็คือ, อะไรคือ อาตมะ(Atma) อัตตา/ตัวตน(self).

         นักวัตถุนิยมทั้งหลาย(the materialists)จะพูดว่า, ร่างกายนี้คือ อัตตา/ตัวตน(the self).

         มีบางคนพูดว่า, จิตใจ(the mind)นั้นคือ อัตตา/ตัวตน(the self).

         ผู้คนที่คิดอย่างมีการศึกษาละเอียดอ่อนส่วนมาก(most educated sensitive thinking)ในหมู่พวกเรา(amongst us)เราพูดว่า, ฉันคือบุคคลหนึ่งในร่างกายนี้(a person in the body).

         แต่อฑวิตะ เวฑานตะ(Advaita Vedanta)พูดว่า, จิตสำนึกนั้นคืออัตตา/ตัวตน(consciousness is the self).

         แต่อีกครั้ง, ในการที่จะเข้าใจมันให้กระจ่างชัดมากๆ(to understand it very very clearly), มันไม่ใช่จิตสำนึก(consciousness)ที่เราอย่างฉับพลันคิดเกี่ยวกับความตระหนักรู้(awareness). โอ, ฉันตระหนัก ดังนั้นเรื่องนี้ต้องเป็น(I’m aware so this must be), นี่เป็นปรมัตถสัจ(ultimate reality - อันติมะสัจ/ความจริงขั้นสุดท้าย)ของจักรวาลหรือ?(of the universe).

ไม่, ไม่, ไม่...นั่นคือความตระหนักรู้ที่ถูกจำกัดอยู่ไว้แล้ว(awareness already limited)โดยจิตใจ(the mind).

นั่นคือการมอง(looking), เหมือนการมองที่ใบหน้าของคุณในกระจกเงา(like looking at your face in the mirror). กระจกเงานั้น(the mirror)คือจิตใจ(the mind)และใบหน้านั้น(the face)ที่คุณเห็นในกระจกเงา(see in the mirror)ก็คือ จิตสำนึก(the consciousness)ที่เกี่ยวพันไปแล้วในจิตใจ(already involved in the mind).

แต่ใบหน้าดั้งเดิม(the original face)ที่ถูกสะท้อนกลับมา(being reflected)นั้นคือจิตสำนึกดั้งเดิม(that’s original consciousness).

เพราะว่าถ้าเราสัมผัสรู้ถึงสิ่งนั้น(sense of that), เราจะเห็นว่าแตกต่างอย่างยิ่งเช่นไร(how tremendously distinct)ที่มันเป็นจากทุกสิ่งอื่น(from everything else).

มันไม่ใช่วัตถุ(not an object).

การตระหนักรู้ที่เรารู้สึกในตอนนี้(the awareness which we feel right now)ซึ่งคุณเรียกเชตนะ(Chetana1 sense/รู้สึก), นั่นคือความตระหนักรู้(that awareness)ซึ่งเรารู้สึกในตอนนี้

1 https://hamariweb.com/dictionaries/chetana-hindi-english-meaning

(which we feel right now)นั่นก็เป็นวัตถุด้วยเช่นกัน(that’s also an object).

         คุณรู้สึกถึงมันไหม?(can you feel it)

         แต่อะไรเป็นอาหารเลี้ยงให้แก่ความตระหนักรู้นั้น?(what feeds that awareness)

         นั่นคุณจะเห็นความชำนิชำนาญในความถูกต้องของเขา(adroit in his right), เมื่อเขาเรียกมันว่า พรหมัน ปูรนัมฺ(Brahman Poonam)ทั้งปวงอันสมบูรณ์(the whole the infinite)

         แต่พุทธศาสนิกชน(the Buddhist)ก็ถูกต้องด้วยเช่นกัน, เมื่อเขาเรียกมันว่า ความว่าง(the empty).

         ความสัจจริงนั้นคือความว่างของวัตถุทั้งหมด(that reality is empty of all objects).

         แต่วัตถุทั้งหมดต่างก็เต็มไปด้วยมัน(but all objects are full of it). ด้วยความสัจจริงนั้น(of that reality).

         พวกมันไม่สามารถมีอยู่ได้โดยปราศจากมัน(they cannot exist without it).

จักรวาลทั้งปวงนี้(the entirely of this universe), มันไม่สามารถมีอยู่ได้(cannot exist)โดยปราศจากคุณ(without you)นั่นคือ จิตสำนึกที่มีชีวิตอยู่(that existence consciousness).

https://youtu.be/WIwxF_PCDYQ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น