หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ดร.ฮาคิม ยาบาลลาห์ - วัคซีนทั้งหลายจะไม่ได้ผล, วิธีการควบคุมการแพร่กระจาย

 วัคซีนทั้งหลายจะไม่ได้ผล’: นักไวรัสวิทยาอเมริกา ชำแหละ โควิด-19, วิธีที่จะควบคุมการแพร่กระจาย

'Vaccines won't work': US virologist breaks down COVID-19, how to curb spread 18 มี.ค. 2020

-          ฮาคิม ยาบาลลาห์ (Hakim Djavallah)เป็นชาวอัลจีเรียน/อเมริกัน -เกิดในอเมริกา, นักอณูเภสัชวิทยา(molecular pharmacologist1)และนักเทคโนโลยี(technologist), และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง(co-founder), ประธาน & CEO ของ Keren Therapeutics, บริษัทstartup ที่ได้อุทิศให้กับ วิทยาศาสตร์ของวัยชรา(science of aging), โดยเฉพาะ, การเชื่อมโยงของวัยกับ-ภาวะสมองเสื่อม(age-related cognitive declines) รวมทั้ง ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย(sarcopenia), ภาวะผอมลงผิดปกติ(cachexia)และโรคสมองเสื่อม(Alzheimer’s disease). ก่อนหน้านี้, ยาบาลลาห์(Djaballah) เป็น CEO ของสถาบัน Pastor Institute ในประเทศเกาหลี, สถาบันค้นคว้าวิจัยเคลื่อนที่(a translational research institute)โดยเพ่งเล็งไปที่ โรคการติดเชื้อ(with focus on infectious disease), เนื้องอกวิทยา(oncology), และ การวินิจฉัยโรค(diagnostics.

-            

https://www.ecronicon.com/editorial_popup.php?id=4800  

The Korea Times is Korea's most influential and the oldest independent English-language daily. We deliver the latest information on all events and stories taking place in Korea. * To visit our website: http://www.koreatimes.co.kr/

 

มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว:  ขอบคุณการสละเวลาของท่านในวันนี้ค่ะ, ดร.ยาบาลลาห์. มาตรงเข้าไปสู่เรื่องไวรัสกันเลยนะ, แล้ว, เรารู้มากแค่ไหนเกี่ยวกับโควิด-19, เจ้าไวรัสนี้.

ยาบาลลาห์:    อ้า, เรารู้ว่า, มันคือสมาชิกเหมือนกันของครอบครัวขนาดใหญ่มากของบรรดาไวรัสเหล่านี้(the same member of a larger family of these viruses)ที่รู้จักกันในชื่อ “ไวรัสตระกูลโคโรนัล(coronal viruses)”.

พวกมันที่จริงแล้วมีอยู่ทุกแห่ง(they actually exist everywhere). พวกมันใช้เวลาส่วนมากของพวกมันในสัตว์ทั้งหลาย(spend a lot of their time with animals).

ดังนั้น, นี้คือไวรัสรายที่สาม(a third virus)ที่ได้ข้าม(has crossed). อย่างที่เราได้มี SARS-CoV-1, MERS, และในตอนนี้คือ SAR-CoV-2. เรากำลังเริ่มต้นการเดินทางที่ไม่รู้จักอย่างสิ้นเชิง(completely uncharted journey)กับไวรัสนี้.

เราไม่เข้าใจได้มากเพราะว่าพฤตกรรมนั้นแตกต่างอย่างทั้งหมด(the behavior is completely different). ผมได้ประหลาดใจมากกับการระบาดรุนแรงรวดเร็วในจีน(was very surprised at the outbreak in China), ตัวเลขมากมายของผู้คนที่ติดเชื้อ(the numbers of people were infected)ในช่วงระยะที่ค่อนข้างจะเล็กน้อยของเวลาขนาดนั้น(in such a little small period of time).

มันเป็นที่ผิดปกติมาก(very unusual), มีการพูดคุยกันมากมายที่ข้างนั่น(so many talk out there)แต่มันไม่เป็นไปตามกฏเกณฑ์เหมือนเดิมดังเช่นไวรัสอื่นทั้งหลาย(not following the same rules as the other viruses). ไวรัสนี้ก้าวร้าวรุกรานลุกลามมากยิ่งกว่า(much more aggressive)และอันตรายถึงตายมากยิ่งกว่า(much more lethal).

และสำหรับทุกไวรัส, ก็จะมีระดับที่ชัดเจนบางอย่างของความร้ายแรงในการทำลายร้าง(a certain level of lethality). นั่นเป็นปริมาณยาแต่ละครั้งที่รุนแรง(a lethal dose).

นั่นคือ, มากเท่าไหร่ของไวรัสนี้ที่คุณจำเป็นต้องมีในปอดของคุณ(how much of this virus you need to have in your lungs)ก่อนที่มันจะฆ่าคุณ(before it kills you), หรือก่อนที่มันจะทำคุณป่วย(before it makes you sick).

กับไวรัสนี้, มันไม่กระจ่างชัดมาก(not very clear). มันที่จริงแล้วรบกวนยุ่งยากเป็นอย่างยิ่ง(actually very disturbing).

ได้มีบางรายงานที่น่าสนใจ(have been some interesting reports). พวกเขามีผู้คนที่ได้ป่วย(were sick)และพวกเขาได้รับการรักษาหาย(they were cured). พวกเขาได้ปล่อยตัวพวกนั้นออกจากโรงพยาบาล(released them out of the hospital)และแล้วพวกเขาก็ได้ติดเชื้ออีก(they reinfected).

ความจริงนั้นง่ายมาก(the truth is simple).

การวิเคราะห์ตรวจสอบทั้งหลาย(the assays)ที่เราทำทุกวันที่จะทดสอบไวรัสนี้(to test this virus), พวกเขาสามารถแค่ทดสอบในขีดจำกัดบางอย่าง(a certain limit). และถ้าระดับความดุเดือดรุนแรง(the violence level)ต่ำกว่าขีดกั้นนั้น(below that threshold), คุณก็๗ธไม่ตรวจสอบมันได้(not gonna detect it).

นั่นหมายถึงว่า, คุณก็กำลังที่จะปล่อยคนไข้นั้นออกไปและพูดว่า คุณแข็งแรงดีพอที่จะออกไปได้แล้ว(you’re healthy enough to leave).

อะไรที่ผมพบสัญญาณเตือนภัยดังอยู่(found alarming)คือ, เรากำลังปล่อยตัวคนไข้ทั้งหมดเหล่านี้(are releasing all these patients), บอกกับพวกเขาว่าพวกเขาปลอดจากไวรัสแล้ว(they are virus free). และพวกเขาสามารถกลับคืนไปยังชุมชนได้(can go back to the community).

มันไม่ใช่ค่าเฉลี่ยSARS, มันไม่ใช่ค่าเฉลี่ยMERS.

ผู้คนมากมายรวมทั้งผม, เราเริ่มต้นการเรียกมัน(start calling it)เป็น ไวรัสที่ลี้ลับอย่างยิ่ง, คลุมเครืออย่างยิ่ง(a very mysterious, very cryptic virus). เพราะว่าเราไม่เข้าใจมัน(we don’t understand it), และมันดูเหมือนว่าจะไม่ได้แค่โจมตีกับปอดเท่านั้น(doesn’t seem to only attack the lungs). มันดูเหมือนจะโจมตีหัวใจด้วยเช่นกัน(seems to also attack the heart), และมันก็ดูเหมือนว่าจะโจมตีตับด้วยเช่นกัน(seems also to attack the liver).

มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว:  เช่นนั้น, เราก็กำลังมองเห็นรูปแบบทั้งหลายที่น่าสนใจ(seeing interesting patterns). ไม่ใช่แค่ผู้คนชรา(old people)หรือผู้คนในสภาวะที่มีโรคประจำตัวทั้งหลาย(underlying health conditions)เท่านั้น, ที่ตามความเป็นจริงจะเจริญเติบโตกับโรคนี้(actually develop this disease).

ดร.ยาร์บาลลาห์:       ตอนนี้ผู้สูงอายุ(the elderly)เป็นประเภทแรกจริงๆ(are really the first category)ที่ได้ติดเชื้อกันมาก(get affected a lot)เพราะว่า, ขณะที่เราได้มีอายุมากขึ้น(as we get older)ระบบภูมิคุ้มกันของเราก็เสื่อมถอยลง(our immune system declines).

         ระหว่างผู้สูงอายุและวัยรุ่น(between the elderly and adolescent)ถึงประมาณอายุ 50-60 ปี, รูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเขา(lifestyles)จะบงการ(will dictate)ว่าพวกเขาจะอ่อนแอเปราะบางอย่างไรต่อไวรัสนี้(how vulnerable they are to the virus).

         อะไรที่ผมได้สังเกตเฝ้าดู(have observed)ที่ซึ่งแตกต่างมากจาก MERS, คืออัตราของการติดเชื้อของวัยรุ่น(the rate of infection of young)นั้นต่ำกว่า(is lower). มันไม่ได้หมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องปิดโรงเรียนทั้งหลาย(close schools) หรือว่าเราสามารถปล่อยให้เด็กๆของเราออกไปเล่นกันที่ข้างนอกได้(let our kids outside to play).

มันหมายถึงว่าสำหรับในตอนนี้, เหล่านี้คือแนวโน้มเอียงทั้งหลาย(these are the trends)ที่เรากำลังเฝ้าสังเกตดูอยู่(are observing)

มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว:  มีสิ่งที่ไม่รู้ทั้งหลายอยูมากมายเหลือเกิน(so many unknown)เกี่ยวกับ COVID-19 นี้, และประเทศจีน, รัฐบาลจีนรับผิดชอบ(is responsible)ต่อการขาดแคลนข้อมูลนี้(for this lack of information).

         ท่านคิดว่านี้กำลังจะกลายเป็นอุปสรรคสำหรับ(an obstacle for)การพัฒนาวัคซีนในเร็วๆนี้(developing a vaccine sooner)ไหม?

ดร.ยาบาลลาห์:   ประเทศจีนเองก็ยังไม่ปรากฏว่ามีข้อมูลพร้อมมากมายในเรื่องนี้(is not forthcoming with a lot of this information).

         ข้อมูลนี้กำลังมาเป็นชิ้นและเศษทั้งหลายเล็กๆน้อยๆแตกต่างกัน(is coming in different bits and pieces), และผมคิดว่ามีบางผู้คนทั้งหลายอันเยี่ยมยอดรอบโลก(some fantastic people around the world)ที่กำลังใช้เวลาในการผ่าตัดข้อมูลนั้น(dissecting that information)และกำลังนำมันมารวมเข้าด้วยกัน(and putting it together).

         มันยังไม่มากพอสำหรับการพัฒนาวัคซีน(not so much for developing a vaccine), แต่ก็เพื่อศึกษาวิถีโคจรว่าที่ไหนที่ไวรัสนี้กำลังไป(to study the trajectory of where this virus is going).

         ในตอนนี้(มี.ค. 2020 - ผู้แปล)เรากำลังอยู่ในกลางพายุ(are in the middle of the storm)และ วัคซีน ไม่ได้กำลังจะช่วยอะไรได้(a vaccine is not going to help).

         แม้กระทั่งถ้าเรามีวัคซีนในวันนี้(even if we have a vaccine today), มันก็ไม่ได้จะช่วยอะไรได้(it’s not going to help).

ผมคิดว่าผู้คนไม่ได้ตระหนักว่า(don’t realize)วัคซีนนั้นไม่ได้ทำงานได้ผลสำหรับแต่ละคนที่ได้ฉีดวัคซีน(vaccine don’t work foe every individual that gets a vaccine).

วัคซีนเป็น สิ่งที่ใช้ในการป้องกัน(vaccine is a preventative thing).

วัคซีนช่วยจริงๆกับระบบภูมิคุ้มกันของคุณให้เริ่มต้นเปิดทำงาน(vaccine is really help your immunity system to kickstart).

ระบบภูมิคุ้มกันของคุณคืออะไรจริงๆที่ได้ปกป้องคุณ(your immunity system is really what’s protecting you).

วัคซีนนั้นเป็นแค่ช่วย, ชี้ไปยังระบบภูมิคุ้มกัน(the vaccine is just helping, pointing to the immune system)ว่าจะไปทางไหน(where to go).

ข้อมูลที่เรากำลังขาดแคลนจากประเทศจีน(the information that we are lacking from China)คือที่เกี่ยวกับ หนึ่งปัจเจกบุคคล(is about one individual) – คนไข้หมายเลขศูนย์(Patient Zero2)คนไข้คนแรกของการระบาดเชื้อโรค.

2 https://www.matichon.co.th/foreign/news_2031266

เหตุกรณีที่ในอิตาลี(the case in Italy), เหตุกรณีที่ในอิหร่าน(the case in Iran), เรามีสองสามเหตุกรณีในอเมริกา(we have a few cases in U.S.)โดยเฉพาะบนฝั่งตะวันตกของอเมริกา(especially on the west coast of America), ที่ซึ่งเราไม่สามารถเชื่อมโยงถึงรอมพิมพ์นิ้วมือ(can’t link to fingerprint)กับไวรัสนั้นจากอู๋ฮั่น(to the virus from Wuhan).

ดังนั้น, ปราศจากข้อมูลนั้นเกี่ยวกับ คนไข้หมายเลขศูนย์ ในอู๋ฮั่น(without that information about patient zero in Wuhan)มันจริงๆ, เราอยู่ในสถานะที่แย่ที่จะเข้าใจ(in a bad situation to understand)ว่าไวรัสนี้กำลังไปที่ไหน(where this virus is going).

ดังนั้น, ข้อมูลนั้นจะเป็นที่วิกฤตจริงต่อเรา(that information would be really critical to us)ที่จะเข้าใจวิวัฒนาการของไวรัสนี้(to understand the evolution of this virus).

และนั่นจะเป็นการช่วยเราจริงๆในการหยุดการแพร่ระบาด(would really help us stop the spread).

ไม่ใช่ที่จะบำบัดไวรัส(not to treat the virus), (แต่เพื่อ)หยุดยั้งจริงๆในการแพร่ระบาด(really stop the spread).

มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว:  เช่นนั้นท่านกำลังบอกว่า, คนไข้หมายเลขศูนย์(the patient zero)คือกุญแจในการที่จะเข้าใจ(the key to understand)ธรรมชาติของไวรัสนี้(the nature of this virus)และยับยั้งไวรัสนี้(contain this virus).

ดร.ยาบาลลาห์:   ใช่, คนไข้หมายเลขศูนย์คือตัววิกฤตจริง(patient zero is really critical)ที่จะบอกเราว่านี้คืออะไร(what was this), อะไรที่เราเรียกว่า “การกลายพันธุ์ที่ได้เปรียบ”(advantageous mutations3)ที่ได้บังเกิดขึ้นจากอาณาจักรสัตว์มาสู่มนุษย์(that happened from

         3 https://www.facebook.com/CAPrecisionMed/posts/1731283853556741/

The animal kingdom to the human).

         ครั้งเดียวนั้น, ที่มันสามารถติดเชื้อได้กับเรา(the one time it can affect us), การเปลี่ยนผ่านนั้น(that’s the transition).

         มันหมายความว่า, ตอนนี้ไวรัสนี้ได้คิดออกแล้ว(figured out)ว่า, เจ้าไวรัสได้มีกุญแจในตอนนี้ที่จะยืม(the virus has the key now to borrow), ไม่ใช่แค่ที่จะยืมเครื่องยนต์ของเรา(not just to borrow our engine), แต่ที่จะยืมทั้งร่างกาย(to borrow the whole body)เป็นดั่งเครื่องยนต์สำหรับเจ้าไวรัสที่จะแพร่กระจาย(as an engine for the virus to spread).

         หนทางเดียวเท่านั้นที่จะเก็บรักษามันไว้ที่บริเวณที่กำหนดไว้(the only way to keep it at bay), ถ้าคุณมีวัคซีนที่ดีมาก(a very good vaccine)ที่ทำสารภูมิต้านทาน(make antibodies)ซึ่งกำลังจะต้านเจ้าไวรัส(to neutralize the virus – ทำให้กลายเป็นกลางถอนพิษ/ทำให้ไม่ได้ผล)และกวาดล้างมันออกไป(and clear it), นั่นมหัศจรรย์(that wonderful).

         แต่นานมา 20 ปีแล้ว(for 20 years), บริษัทมากมาย(many companies), นักวิจัยค้นคว้ามากมาย(many researchers)ได้สัญญาต่อเรา(have promised us)ถึง วัคซีนสำหรับSAR-CoV.

         และเราอยู่ในปี 2020 และวัคซีนที่ว่านี้ก็ยังไม่มีตัวตน(this vaccine doesn’t exist).

         เหตุผลมากมาย(many reasons). หนึ่งนั้น, คือไม่มีการรุกรานอีก(no more treat)และทุกคนลืมเรื่องเกี่ยวกับมันไปแล้ว(everybody forgets about it).

         สองก็คือ, พวกเขาได้พยายามแล้ว(have tried)และพวกเขาได้พบตัวตนความยุ่งยากทั้งหลาย(have identified difficulties)ว่าไวรัสพวกนี้(these viruses)ไม่ได้สามารถที่จะเกิดภูมิคุ้มกันมาต้านมันจากวัคซีนได้(are not immunable to the vaccine).

และเพราะการเป็นเช่นนั้น(because of that), พวกเขาอาจจำเป็นต้องใช้เวลาหลายปีของการค้นคว้าวิจัย(may need several years of research).

การเปรียบเทียบที่ดีที่สุด(the best comparison)กับการเช่นนั้นก็คือ ไวรัสอีโบลา ที่ในอัฟริกา(the Ebola virus in Africa).

เหตุผลเดียวที่เราได้วัคซีนสำหรับอีโบลา(got a vaccine for Ebola)ก็คือ อีโบลาได้ตัดสินใจ(decided)ที่จะไปจากทวีปอัฟริกา(to leave the continent of Africa), และเริ่มต้นการติดเชื้อผู้คนในยุโรปและอเมริกา(and start infecting people in Europe and America).

ดังนั้น, ผู้คนเหล่านั้น(those people)ได้เริ่มต้นกังวล(started getting worried)เกี่ยวกับการแพร่กระจายอีโบลา(the Ebola spread)บนพื้นดินของตนเอง(on their own soil). และนั่นคือการผลักดันต่อรัฐบาลให้ลงทุน(the push for the push for government funding)ที่จะทำให้วัคซีนทั้งหลายเหล่านั้นเสร็จซะที(to get those vaccines done).

บริษัททั้งหลายจะไม่สร้างวัคซีนทั้งหลายออกมาถ้าไม่มีใครซื้อมัน(companies will not make vaccines if there’s no one to buy it). พวกเขาจะทำมันก็แต่เมื่อรัฐบาลตกอยู่ในภาวะวิกฤตเท่านั้น(they only make it when the government is under crisis).

ดังนั้น, รัฐบาลเขียนเช็ค(the government write check)และเซ็นเช็คนั้นแล้วยื่นเงินนั้นไปให้(and sign the check and hand over the money).

แต่ทั้งรัฐบาลทั้งหลายเหล่านั้น(those governments)ยังไม่ได้เห็นวัคซีนสำหรับSARS. และพวกเขาก็ไม่ได้ผลักดันเพื่อให้ได้มันมาเลย(and there hasn’t been for it).

ตอนนี้, บางทีพวกเขาอาจจะพยายามบางอย่าง(perhaps they will try something), แต่ผมไม่ได้กลั้นลมหายใจ(รอดู-ผู้แปล)(but I’m not holding my breath).

มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว:  เรากำลังเห็นการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของไวรัสนี้(a rapid spread of this virus)และ องค์การอนามัยโลก(WHO)แถลงว่าการแพร่กระจายของไวรัสนี้(declared that spread of this virus)คือ โรคระบาด(pandemic4โรคระบาดที่มีการระบาดในพื้นที่ขนาดใหญ่).

         4 https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/870455

         ทำไมไวรัสนี้ถึงได้เดินทางรวดเร็วมากเหลือเกินไปทั่วโลก(why this virus traveling so quickly around the world).

ดร.ยาบาลลาห์:   เพราะเช่นนั้น, ไวรัสนี้กำลังเดินทางด้วยเพื่อนใหม่ทั้งหลายที่เรียกว่า บักเตรี(this virus is traveling with new friends called bacteria).

         บักเตรีนี้รักที่จะมีชีวิตอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จำกัดเขต(this bacteria love to live in confined environment)เหมือน เครื่องบิน(like an airplane). พวกมันอาศัยอยู่บนพื้นผิวแข็งlive on the hard surfaces). พวกมันอาศัยอยู่บนพื้นผิวอ่อนนุ่ม(live on the soft surfaces).

เราในฐานะคนไข้ที่ไม่ระมัดระวัง(as an unawared patient), เรากำลังที่จะนั่งบนที่นั่งนั้นบนเครื่องบินนั้น(on that seat on the plane), เราก็กำลังที่จะสัมผัสทุกอย่าง(going to touch everything), เรากำลังที่จะอ่านนิตยสารทั้งหลาย(going to read the magazines)ที่มี 200 ผู้คนได้อ่านมันมาก่อน(that 200 people read before).

แต่ละครั้งที่ใครบางคนสัมผัสแตะต้องนิตยสารนั้น(each time somebody touches the magazines)เราทิ้งบักเตรีบางส่วนไว้ในที่นั่น(we leave some bacteria in there).

และทันทีที่ผู้คนเหล่านั้นลงสู่พื้นดินใน อิตาลี(as soon as those people land in Italy)เป็นตัวอย่าง(as a example), และออกไปจากสนามบินนั้น(get out of the airport), ตอนนี้พวกเขาก็กำลังแพร่กระจาย(they are going to spread)สิ่งนี้ไปทุกแห่ง(this thing everywhere).

แต่ทันทีที่คุณเข้าไปสู่การเป็น คนไข้(a patient), ใครที่อยู่ในการจำแนกสูงขออายุ(the high category of age), และมีโรคประจำตัวแฝงอยู่(have underlying disease), คุณได้เริ่มต้นเปิดโรงงานแล้ว(you start a factory).

แต่ไวรัสนั้นได้ตื่นขึ้นมาในอิตาลี(woke up in Italy)นั้นเป็นที่ก้าวร้าวรุนแรงมากยิ่งนัก(is much more aggressive)กว่ารายที่ลงจากเครื่องบินที่มาจากประเทศจีน(the one that left the plane from China). การกลายพันธุ์(mutations).

ดังนั้นเมื่อหนึ่ง, มันได้ตื่นขึ้น(for one, it woke up). มันกลายพันธุ์อีกครั้ง(it mutated again), และในตอนนี้(now)เราเห็นความก้าวร้าวรุนแรงมากยิ่งขึ้น(we see much more aggressive), นั่นคืออะไรที่เราได้เห็นกำลังเกิดขึ้นในอิตาลีวันนี้ เราสามารถวาดขีดแผนผัง(plot)มันลงไปบนเส้นโค้งเลขชี้กำลัง(an exponential curve)ได้.

มันน่าตกใจ(it’s scary).

ประเทศเกาหลี(Korea), มีความเท่าเทียมกันได้ก็แต่ที่โบสถ์เท่านั้น(the only equivalent is the church).

ผมคิดว่า, รัฐบาลเกาหลี(the Korean government)และผู้คนเกาหลี(the Korean people)ควรรู้สึกสำนึกขอบคุณสำหรับโบสถ์นี้(should be grateful for this church).

เพราะว่าโบสถ์นี้(this church)จัดหาให้เราในข้อมูลแรก(provides us the first data)ของการแพร่กระจายอย่างมากยิ่งโดยตรง(of this very very directional spread).

และผมคิดว่า, อะไรที่โบสถ์นั้นได้ทำคือ(what that church did), มันได้บีบบังคับจริงๆกับรัฐบาลของมูน(it really forced the Moon government), พวกเขาบีบบังคับให้พวกนั้นต้องยื่นมือของพวกเขาออกมาในตอนนี้, และโยนทิ้งคำจำกัดความทั้งหลาย(throw away all the definitions of)ที่ว่า ใครจะต้องตรวจหา(who to test for)และอะไรที่จะต้องจับตาดู(what to look for)และพูดว่า,  เรากำลังจะจับตาดู(ช่วยเหลือดูแล-ผู้แปล)กับทุกคน(we’re going to look for everybody).”

มุน-ลี/ผู้รายงานข่าว:  สื่อต่างประเทศได้รายงานว่า คุณสามารถออกไปข้างนอกได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก(you can go out without a mask). ไม่แนะนำให้สวมหน้ากาก(not recommended to wear mask). ท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

ดร.ยาบาลลาห์:   หน้ากากนั้นที่จริงแล้วจัดหาให้ได้สองสิ่ง(the mask really two things):

คือ จิตวิทยา ของ การสวมใส่หน้ากาก(the psychology of wearing a mask)แล้วคุณก็จะรู้สึกเหมือนว่าน้อยลงที่จะแตะต้องจมูกของคุณ(so you less likely to touch your nose)และปากของคุณและดวงตาของคุณ(and your mouth and your eyes).

และก็ยังสำหรับไม่ให้คุณเอามันไปให้กับคนอื่นอีกด้วย(and also not for you to give it to other people). มันเป็นอะไรที่คนอื่นเอามาให้คุณ(it’s what other people give you).

และการที่มันคือสิ่งที่ผู้คนอื่นจะเอามาให้คุณ(people will give you things), คุณไม่ได้ระแวดระวังถึงมัน(you’re not aware of), สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นสามารถลงมาที่เสื้อผ้าของคุณ(can land on your clothes), บนถุงของคุณ(on your bag), ลงบนมือถือของคุณ(on your phone), แต่ถ้าคุณกำลังสวมหน้ากาก(are wearing a mask), ถึงแม้ว่าคุณจะสัมผัสแตะต้องของพวกนั้น(touch those things), อัตราการได้รับเชื้อก็ต่ำมาก(the rate of infection is very low).

ดังนั้น, การเสี่ยงทั้งหลายโดยการสวมหน้ากากจึงมีต่ำมาก(the risks by having a mask is very low).

ผมเองที่จริงแล้วได้ถูกแจ้งสัญญาณเตือนภัย(was actually alarmed)ว่าทุกคนต่างก็มีเรื่องราวที่แตกต่างกัน(everyone has a different story).

ผมคิดว่าใน สหรัฐอเมริกา(the United States), จัดวางตำแหน่งของ CDC5 (CDC’s position – Centers for Disease Control and prevention/ศูนย์การควบคุมและการยับยั้งโรคระบาด)นั้นได้กระจ่างชัดมาก(was very clear), เพราะพวกเขาได้หวาดกลัวถึงการขาดแคลนทั้งหลาย

5https://en.wikipedia.org/wiki/Centers_for_Disease_Control_and_Prevention

ในอนาคตข้างหน้า(afraid of shortages down the road).

         ถ้า, ดังเช่นตัวอย่าง, สานุศิษย์ของโบสถ์(the church followers)ทั้งหมดได้สวมหน้ากาก(were all wearing the masks)เราก็จะไม่เจอการติดเชื้อกันเป็น 5-6000(we wouldn’t see 5-6,000 cases).

ในอิตาลี, พวกเขาไม่สวมหน้ากาก(they don’t wear masks), คุณก็ได้เห็นแล้วว่าตัวเลขจำนวนทั้งหลายนั้นอยู่ที่ไหน(where the numbers are).

และผมคิดว่านั่นคือที่ไหนที่หน้ากากได้เล่นกับเรื่ององค์ประกอบของการป้องกันนี้(where the mask plays this protective element), ทั้ง อย่างจิตวิทยา(psychologically)และตามความเป็นจริงในทุกครั้งที่คุณออกจากบ้าน(actually when you leave your home), ซึ่งคือสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุม(which is a controlled environment)เข้าไปในสภาพแวดล้อมสาธารณะข้างนอก(into the public environment outside)ที่คุณไม่สามารถควบคุมได้(you can’t control), คุณเป็นส่วนหนึ่งของมัน(are part of it).

มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว: ในการควบคุมจำกัดเขตการระบาดรุนแรงขนาดใหญ่ของ COVID-19(to curb the COVID-9 outbreak), CDCที่ว่านั้นได้แนะนำบางมาตรการที่ไม่ได้ใช้ยาทั้งหลาย(suggested some non-pharmaceutical interventions6)เช่น การดูแล สุขอนามัยส่วนบุคคล(taking care of personal hygiene)ที่ผู้คนและชุมชนทั้งหลายควรจะได้ทำ(that people and communities should be doing), เพื่อทำให้การแพร่กระจายเชื้อของไวรัสได้ช้าลง(to slow the spread of the virus).

         แล้ว, คุณคิดอะไรในกับประเด็นที่ว่า, เราควรทำที่จะยับยั้งกีดขวางการแพร่กระจายของไวรัสนี้(we should do to prevent the spread of this virus).

ดร. ยาบาลลาห์:   ผมคิดว่าในตอนนี้, เราเข้าใจแล้วว่าไวรัสนี้กำลังเคลื่อนไหวอย่างไร(understand how the virus is moving)และการจำกัดการขยายตัว(the containment)อยู่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์,ดังนั้นค่าเฉลี่ยของคนเกาหลี(an average Korean)อยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ของการเสี่ยงในการติดเชื้อ(at 10 percent risk of getting infected).

         ผมคิดว่า, ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ของการเสี่ยงในการติดเชื้อนั้น, คนเกาหลีมากมายก็จะกลายมาเป็นที่พึงพอใจ(will become complacent).

ผมคิดว่า KCDC6 (สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี)นั้นถูกต้องเป็นที่สุด(absolute correct), วิธีที่ไวรัสนี้ได้ประพฤตตนในโบสถ์นั้น(the way this virus behaved in the church),

6 https://www.bbc.com/thai/international-53138864

มันอย่างแท้จริงกำลังประพฤติตนเกือบจะเหมือนบักเตรี(behaving almost like a bacteria), มันเหมือนกับการติดเชื้อแบบบักเตรีนอกโรงพยาบาลทั้งหลาย(non-hospital acquired bacterial infections), และการรักษาสำหรับการนั้นก็แค่การักษาสุขอนามัยกันเท่านั้น(the only remedy for that is hygiene).

ผมคิดว่าในเดือนหน้า(the next month)หรือ สองเดือน, สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงใน เกาหลี(the weather will change in Korea), มันหมายถึงว่า, ชาวเกาหลีที่เป็นผู้คนกลางแจ้งอย่างมาก(very outdoor people), พวกเขาชอบถีบจักรยาน(hiking), พวกเขาชอบทำการเล่นกีฬาแทบทุกชนิด(love doing all sort of sports), และผมคิดว่านั่นคือที่เรากำลังจะได้เห็นอีกมากในเรื่องนี้ของปฏิกิริยาตามธรรมชาตินี้ของผู้คน(going to see more of this natural interaction of people)ซึ่งนั่นจะเป็นเรื่องยากมากที่จะควบคุม( will be very hard to control)เพราะว่าพวกเขาไม่ใช่การชุมนุมประท้วงทั้งหลาย(they are not crowds).

ดังนั้น, ยึดไว้ในใจให้ตลอด(keep in mind)ถึงข่าวสารโดยการบริหารงานของรัฐบาลมูน(the message by Moon government administration)ในเรื่องการรักษาสุขอนามัย(for hygiene).

ประเทศเกาหลีนั้นดีมากอยู่แล้วในเรื่องการไม่ติดเชื้อ(Korea is very good at disinfection), ถ้าพวกเขาคงเรื่องนี้เอาไว้ได้ตามแนวทางปฏิบัติ(maintain this on course), ผมคิดว่าตัวเลขของการติดเชื้อ(the number of the cases)จะเริ่มต้นการลดลง(will start going down)ไม่ว่าพวกเขากำจัดไวรัสนี้ได้หมดสิ้นหรือไม่(whether they got rid of the virus completely or not).

ผมคิดว่าหนทางนี้อย่างน้อยที่สุด, สันติและความเงียบสงบจะกลับมาสู่ เกาหลี(peace and quiet will come to Korea)และเอาตอนบทเลวร้าย(bad episode)ของ SARS เวอร์ชั่น 2 ที่อยู่ฉากหลังพวกเขาออกไป(behind them)และมองไปข้างหน้ายังการฟื้นคืนกอบกู้บางความเสียหายนั้น(to re-establishing some of the damage)โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายทางเศรษฐกิจ(the economical damage)ที่ได้ทำต่อประเทศนี้.

มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว:  แล้วประเภทอะไรของการพยายามที่เราควรทำ(what kind of effort should we make)ในการที่จะยับยั้งการแพร่ระบาด(to prevent the spread)ของไวรัสที่อันตรายยิ่งขึ้นทั้งหลายนี้เหมือนเช่น COVID-19 ในอนาคต?

ดร.ยาบาลลาห์:   เป็นคำถามที่ดีมาก(very good question).

         ผมคิดว่ามันลงไปสู่(goes down to)สองรูปลักษณ์ที่วิกฤต(two critical aspects).

         หนึ่งนั้น, คือ ความพร้อม(preparedness – การที่ได้เตรียมตัวที่จะรับมือแล้ว).

         นั่นคือ, แต่ละครั้งที่ผู้ป่วย(a patient)แสดงตัวในภาวะฉุกเฉิน(shows up in emergency)พร้อมอาการทั้งหลาย(with symptoms)ที่ไม่มีใครได้เคยเห็นมาก่อน, อย่างทันทีเลยที่ควรจะเป็นรายงาน(immediately there should be a report)ส่งผ่านไปยังบรรดาสถาบันดูแลสุขภาพทั่วทั้งหมด(across all the healthcare institutions).

         สิ่งนี้เคยเป็นความผิดพลาดอันใหญ่ที่สุดสำหรับ MERS.

         ถ้าคนไข้หมายเลขศูนย์(patient zero), เขาได้แสดงตัวที่ โรงพยาบาลซัมซุง(he showed up at Samsung Hospital), และได้ถูกแยกกักตัว(was isolated), เราก็จะจบเรื่อง(we done).

         ผมคิดว่าประเทศเกาหลีไม่ได้อ้าแขนรับอย่างจริงๆ(has not really embraced)ต่อแนวความคิดของการเฝ้าติดตามตรวจสอบนี้(this concept of monitoring).

         เพราะใครบางคน(some people), พวกเขาคิดว่ามันเป็นการที่มีพี่ใหญ่กำลังสืบความลับกับคุณอยู่(think it’s Big Brother spying on you).

         ในปี 2015, อันที่จริงแล้ว, ผมได้วิพากษ์วิจารณ์ KCDC((สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี).

         และโดยพื้นฐานแล้ว(basically), เรียกพวกเขาว่า พวกขี้เกียจและเอาแต่นั่งอยู่ในสำนักงานของพวกเขา(lazy, sitting in their offices)และสิ่งเดียวเท่านั้นที่พวกเขาทำก็คืองานเอกสารนุ่มนิ่ม(soft paper work), จนกระทั่ง MERSมาและพวกเขาพบว่าตัวพวกเขาเองไร้ความสามมารถ(incompetent)ที่จะรับมือมันได้จริงๆ(to actually handle it).

         บางคำแนะนำทั้งหลาย(some recommendations)ที่มาจาก รัฐสภา(the National Assembly)พูดถึงเรื่องนั้น.

         และผมคิดว่าในตอนนี้ KCDC((สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี)ได้ถูกท้าทายเป็นครั้งที่สองแล้วในตอนนี้(was challenged twice now).

         ดังนั้น, ไม่ควรจะมีเป็นครั้งที่ 3(there shouldn’t be a 3rd time).

         และผมคิดว่า, การเฝ้าติดตามตรวจสอบนี้(this monitoring)ควรที่จะพร้อมเข้าที่แล้ว(should be already in place).

         ไม่ใช่แค่ปกป้องมนุษย์ทั้งหลาย(not just to protect humans), แต่ตามความเป็นจริงแล้วเพื่อที่จะปกป้อง(to protect)ปศุสัตว์(the livestock)ในประเทศเกาหลี.

         ด้วยความนับถือ(with regard), ด้วยความเคารพ(with respect)ต่อบริษัทยาเกาหลีทั้งหลาย(Korean pharmaceutical companies), เมื่อผมมาที่ประเทศเกาหลี, ตามความเป็นจริงแล้วผมได้ทึ่งใจ(was actually amazed)กับโครงสร้างพื้นฐาน(infrastructure)ที่บริษัทเหล่านี้มี, แต่ผมได้ผิดหวัง(was disappointed)กับกี่ครั้งอย่างไร(how many times)ที่รัฐบาลเกาหลีประกันตัวให้พวกเขาออกมา(bailed them out)โดยใช้เงินของผู้เสียภาษี(using taxpayer’s money). - ให้เงินสนับสนุนบริษัทพวกนี้ที่ทำสิ่งผิดๆ(ผู้แปล).

         มีบางบริษัทที่ดี(some good companies)ที่มีการบันทึกเสียง(track record)ในการทำวัคซีนทั้งหลาย(in making vaccines)เหมือนเช่น Green Cross.

         ไม่มีเหตุผลเลยว่าทำไม Green Cross, ถึงไม่ได้พยายามอย่างหนักเลยในการที่จะทำวัคซีนเหล่านี้(not trying hard to make these vaccines).

         Green Cross เป็นหนึ่งในบริษัททั้งหลายที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนบางส่วน(some funding)ในช่วงวกฤตการณ์ MERS ที่จะทำวัคซีนที่พวกเขาที่จริงแล้วไม่ได้มี(they actually did not have).

         ดังนั้นในประเทศเกาหลี, มันได้แตกต่างไปจากประเทศอื่นทั้งหลาย, เพราะว่าบริษัททั้งหลายเหล่านี้กำลังรอดชีวิต(are surviving)เพราะว่ารัฐบาลได้ช่วยให้พวกเขาได้รอดชีวิต(help the m survive). ถึงแม้ว่าพวกจะยังไม่ได้ผลิตอะไรใดออกมาเลย(not producing anything yet).

         แต่เพราะว่าแต่ละครั้งที่คุณให้เงินพวกเขา(each time you give them money)เพื่อที่จะทำบางอย่าง(to do something)และแล้วปัญหานั้นหายไป(and then the problem disappears), และไม่มีใครยึดถือเอาว่าพวกเขาต้องรับผิดชอบสำหรับการนั้น(no one hold them accountable for that), เราจึงไม่มีวัคซีนกันในตอนนี้.

         ดังนั้น, ผมคิดว่าการเฝ้าติดตามตรวจสอบนั้น(the monitoring)เป็นส่วนหนึ่งของ ความพร้อม(preparedness)เป็นสิ่งจำเป็นสำคัญมาก, มาก(very very critical).

         ผมคิดว่านั่นจะช่วยให้ระเบียบขั้นตอนทั้งหลายของภาวะฉุกเฉินถูกเปิดทำงาน(the emergency protocols to be activated).

         มันหมายถึงว่า, เราเริ่มต้นการเฝ้าติดตามตรวจสอบ(start monitoring)ชายแดนทั้งหลาย(the borders).

         และถ้าเรารู้ถึงการรุกรานนี้(the threat)กำลังมาจากประเทศจำเพาะหนึ่ง(is coming from a specific country)เราก็ปิดพรมแดน(shut the border).

         ผมคิดว่านั่นจะทำให้ประเทศเกาหลีปลอดภัยมากยิ่งขึ้น(much safer).

        

https://youtu.be/LVBc7-Te_yA

 

        

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น