หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

คุณควรจะฉีดวัคซีนPfizerโดสที่สอง

 นี่คือทำไมคุณไม่ควรข้ามละโดสที่สองของคุณในการฉีดวัคซีนโควิด-19

This is Why You Should Not Skip Your Second Dose of COVID Vaccine

 

              - ENews Trends เป็นช่องข่าวเชิงการศึกษา(an educational news channel)ที่ขุดค้นลงไปในประวัติเบื้องหลังของประเด็นทั้งหลายในกระแสโลก(current global issues). วีดอโอสั้นของเราขุดลึกลงไปในโลกของวันนี้, รวมทั้งการเมือง, เทคโนโลยี, สิ่งแวดล้อม, ยารักษาโรค และวัฒนธรรม ของมัน.

         วัคซีนโควิดโดสที่สอง, โดยเฉพาะวัคซีนโควิดของPfizer, วัคซีนโควิดโดสที่สอง.

          การวิจัยค้นคว้าใหม่พบว่าเว็ตย่อยของเซลล์ภูมิคุ้มกันนั้นจะถูกปลุกขึ้นมาเมื่อคุณฉีดวัคซีนเข็มที่สอง.

 

นี่คือทำไมคุณไม่ควรข้ามละโดสที่สองของคุณในการฉีดวัคซีนโควิด-19

ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายด้านสุขภาพ(health experts)ให้คำปรึกษาอย่างแข็งแรงกับผู้คน(strongly advise people)ในการรับโดสที่สองของวัคซีนโควิด-19 ทั้งหลาย.

         นี้เพราะเป็นการปกป้องสูงสุด(the maximum of protection)เมื่อได้เปรียบเทียบกับการที่เพิ่งได้รับวัคซีนโดสเดียว(to having one dose).

         อย่างไรก็ตาม, ผู้คนบางรายต้องการที่จะรู้อย่างชัดเจนว่าทำไมพวกเขาจำเป็นต้องสองโดส(know exactly why they need two doses). ทำไมวัคซีนทั้งหลายทั้งหมดถึงไม่ทำให้เป็นโดสเดียว?(why won’t all vaccines be given in a single dose?)

         ที่ สแตนดาร์ด เมดิซิน(Standard Medicine), นักค้นคว้าวิจัยทั้งหลายได้วิเคราะห์ตรวจสอบ(scrutinized)ตัวอย่างเลือดจากปัจเจกชนทั้งหลาย(blood samples from individuals)ผู้ที่ได้รับวัคซีน Pfizer(received the Pfizer vaccine).

         “ถึงประสิทธิผลของพวกเขาจะโดดเด่นอย่างไรก็ตาม(despite their outstanding efficacy), น้อยมากที่ได้รู้กันถูกต้องชัดเจนว่าวัคซีน RNA ทำงานเช่นไร. ดังนั้น, เราได้สืบหาลงไปที่การตอบสนองภูมิคุ้มกัน(we probed the immune response)ที่ถูกชักนำโดยหนึ่งในพวกเขาในรายละเอียดอันยอดเยี่ยม, (induced by one of them in exquisite detail,)” บาลี ปูเลนดราน(Bali Pulendran), ศาสตราจารย์ด้านพยาธิวิทยา(pathology)และจุลชีววิทยา(microbiology)และภูมิคุ้มกันวิทยา(immunology).

         ตีพิมพ์ในวารสาร Nature, นักค้นคว้าวิจัยทั้งหลาย(researchers)ได้ตามล่าลงที่ประสิทธิผลของวัคซีนที่ชัดเจน(the exact effects of the vaccine)ในส่วนที่แตกต่างกันของการตอบสนองภูมิ คุ้มกัน(on different parts of immune response).

         พวกเขาเก็บตัวอย่างเลือด(collected blood samples)จากผู้ที่รับวัคซีน(from those vaccinated)กับเครื่องหมายการค้าและได้แสดงจำนวนสารภูมิคุ้มกัน(with the brand and quantified the antibodies).

         พวกเขายังได้วัดถึงระดับทั้งหลายของโปรตีนทั้งหลายที่เป็นสัญญานถึง-ภูมิคุ้มกันด้วยเช่นกัน(also measured the levels of immune-signaling proteins)และตรวจคุณลักษณะ(characterized)การแสดงถึงแต่ละยีน(the expression of each gene)ในสายพันธุกรรม(genome)ของกว่า 242,000 ของรูปแบบและสถานะของเซลล์ภูมิคุ้มกันแยกกัน(individual immune cell types and statuses).

         เหล่านี้ต่างถูกเล็งเป้าไปที่จะแปลความ(are aimed to interpret)ว่าอะไรหรืออย่างไร(what or how)ที่วัคซีนนั้นมีอิทธิพลในระบบภูมิคุมกัน(the vaccine influences the immune system).

         หนึ่งในรูปแบบเซลล์ภูมิคุ้มกัน(one immune cell type)ถูกวิเคราะห์(analyzed)คือ T-cell(the T-cells).

         เซลล์ทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้ติดแน่นต่อ(don’t cling to)อนุภาคไวรัส(viral particles)เหมือนสารภูมิต้านทานทั้งหลาย(antibodies1 - สารภูมิต้านทาน). พวกมันแค่ค้นหาและทำลาย(search

         1 https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99

And destroy)เซลล์ที่ติดเชื้อโดยไวรัส(infected by viruses).

         ผู้ตอบสนองทั้งหลาย-อันดับแรก(first-responders)ต่อการติดเชื้อ(infections)ได้ถูกตรวจ สอบด้วยเช่นกัน(are also examined). การค้นพบได้เผยออกมาว่า(finding revealed)ว่า โดสแรกสามารถเตรียมพร้อมให้กับระบบภูมิคุ้มกัน(first dose could prime the immune system)ต่อกับ SARS-CoV-2.

         โดสที่สอง(the second dose)ทำงานสุดท้าย(does the final job)ที่จะไปต่อไปถึงการกระตุ้นต่อ สารภูมิต้านทาน(to further stimulate antibody)และ T cell ให้ตอบสนองต่อไวรัสนั้น(against the virus).

         นอกจากนี้แล้ว(moreover), โดสที่สองนี้(the second dose)สามารถลั่นไก(could trigger)การใช้ประโยชน์ของกลุ่มที่ถูกค้นพบใหม่ของเซลล์ทั้งหลายที่ตอบสนอง-อันดับแรก(the mobiliza-tion of a newly discovered group of first-responder cells).

         เหล่านี้คือเซ็ตย่อยของเม็ดโลหิตขาวทั้งหลาย(a subset of monocytes2)ในรูปแบบที่

         2 https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%95%E0%B9%8C

ค่อนข้างเงียบและต่ำในจำนวนตัวเลข(typically quiet and low in numbers).

         ถึงแม้ว่าเซ็ตย่อยนี้(this subset)สามารถช่วยเหลือในการต่อสู้ไวรัสทั้งหลาย(can help fight viruses), มันไม่ใช่เป็นการคล่องแคล่วว่องไวตามธรรมดา(it is commonly active)ในระหว่าง โควิด-19(during COVID-19).

         แต่วัคซีนPfizerสามารถปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้น(the Pfizer vaccine could wake up)และพาพวกเขามาร่วมงานเลี้ยง(bring them to the party).

         ในการศึกษา, เม็ดโลหิตขาวทั้งหลายนั้น(the monocytes)ประกอบอยู่เพียง 0.01% ของเซลล์เม็ดเลือดทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่(only compose 0.01% of all circulating blood cells)ก่อนที่จะมีการรับวัคซีน(vaccination).

         หลังจากการฉีดวัคซีน(after inoculation), ตัวเลขของพวกเขาโป่งออก 100 เท่า(their ballooned 100 times)ที่ในตอนนี้มีจำนวนถึง 1% เซลล์เม็ดเลือดทั้งหมด(account for 1% of all blood cells).

         และเมื่อพวกเขาถูกกระตุ้น(activated), เม็ดโลหิตขาวเหล่านี้(these monocytes)สามารถแสดงอวดการป้องกันกว้างขวางเป็นพิเศษ(could exhibit uniquely broad protection)ต้านทานไวรัสแตกต่างทั้งหลาย(against different viruses).

         โดสแรก(the first dose)อาจจะเตรียมตัวระบบภูมิคุ้มกันของคุณ(may prep your immune system)ต้านทานกับไวรัสโคโรนา(against the coronavirus).

         กระนั้นโดสที่สองนั้น(yet the second dose)ก็เป็นสิ่งจำเป็น(is needed)เพราะว่ามันได้ทำมากกว่าการแค่บูสต์(boost - สนับสนุนเร่ง).

         เซลล์ทั้งหลาย(cells)ที่ไม่ได้ถูกกระตุ้น(aren’t activated - ถูกกระตุ้นให้ทำงาน)ในโดสแรกนั้น(in the first dose)สามารถได้แต่เพียงถูกทำให้มีขึ้นทำงานได้(can only be enabled)โดยโดสที่สองนี้เท่านั้น(by the second dose).

         https://youtu.be/lA4de3ZCh0Y

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น