นี่คือทำไมคุณไม่ควรข้ามละโดสที่สองของคุณในการฉีดวัคซีนโควิด-19
This
is Why You Should Not Skip Your Second Dose of COVID Vaccine
- ENews Trends
เป็นช่องข่าวเชิงการศึกษา(an educational news channel)ที่ขุดค้นลงไปในประวัติเบื้องหลังของประเด็นทั้งหลายในกระแสโลก(current
global issues). วีดอโอสั้นของเราขุดลึกลงไปในโลกของวันนี้,
รวมทั้งการเมือง, เทคโนโลยี, สิ่งแวดล้อม, ยารักษาโรค และวัฒนธรรม ของมัน.
วัคซีนโควิดโดสที่สอง,
โดยเฉพาะวัคซีนโควิดของPfizer, วัคซีนโควิดโดสที่สอง.
การวิจัยค้นคว้าใหม่พบว่าเว็ตย่อยของเซลล์ภูมิคุ้มกันนั้นจะถูกปลุกขึ้นมาเมื่อคุณฉีดวัคซีนเข็มที่สอง.
นี่คือทำไมคุณไม่ควรข้ามละโดสที่สองของคุณในการฉีดวัคซีนโควิด-19
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายด้านสุขภาพ(health experts)ให้คำปรึกษาอย่างแข็งแรงกับผู้คน(strongly advise people)ในการรับโดสที่สองของวัคซีนโควิด-19 ทั้งหลาย.
นี้เพราะเป็นการปกป้องสูงสุด(the
maximum of protection)เมื่อได้เปรียบเทียบกับการที่เพิ่งได้รับวัคซีนโดสเดียว(to
having one dose).
อย่างไรก็ตาม, ผู้คนบางรายต้องการที่จะรู้อย่างชัดเจนว่าทำไมพวกเขาจำเป็นต้องสองโดส(know exactly
why they need two doses). ทำไมวัคซีนทั้งหลายทั้งหมดถึงไม่ทำให้เป็นโดสเดียว?(why
won’t all vaccines be given in a single dose?)
ที่ สแตนดาร์ด เมดิซิน(Standard
Medicine), นักค้นคว้าวิจัยทั้งหลายได้วิเคราะห์ตรวจสอบ(scrutinized)ตัวอย่างเลือดจากปัจเจกชนทั้งหลาย(blood samples from individuals)ผู้ที่ได้รับวัคซีน Pfizer(received the
Pfizer vaccine).
“ถึงประสิทธิผลของพวกเขาจะโดดเด่นอย่างไรก็ตาม(despite their
outstanding efficacy), น้อยมากที่ได้รู้กันถูกต้องชัดเจนว่าวัคซีน RNA ทำงานเช่นไร. ดังนั้น, เราได้สืบหาลงไปที่การตอบสนองภูมิคุ้มกัน(we
probed the immune response)ที่ถูกชักนำโดยหนึ่งในพวกเขาในรายละเอียดอันยอดเยี่ยม,
(induced by one of them in exquisite detail,)” บาลี
ปูเลนดราน(Bali Pulendran), ศาสตราจารย์ด้านพยาธิวิทยา(pathology)และจุลชีววิทยา(microbiology)และภูมิคุ้มกันวิทยา(immunology).
ตีพิมพ์ในวารสาร Nature,
นักค้นคว้าวิจัยทั้งหลาย(researchers)ได้ตามล่าลงที่ประสิทธิผลของวัคซีนที่ชัดเจน(the exact effects of
the vaccine)ในส่วนที่แตกต่างกันของการตอบสนองภูมิ คุ้มกัน(on
different parts of immune response).
พวกเขาเก็บตัวอย่างเลือด(collected
blood samples)จากผู้ที่รับวัคซีน(from those vaccinated)กับเครื่องหมายการค้าและได้แสดงจำนวนสารภูมิคุ้มกัน(with the
brand and quantified the antibodies).
พวกเขายังได้วัดถึงระดับทั้งหลายของโปรตีนทั้งหลายที่เป็นสัญญานถึง-ภูมิคุ้มกันด้วยเช่นกัน(also measured
the levels of immune-signaling proteins)และตรวจคุณลักษณะ(characterized)การแสดงถึงแต่ละยีน(the expression of each gene)ในสายพันธุกรรม(genome)ของกว่า 242,000
ของรูปแบบและสถานะของเซลล์ภูมิคุ้มกันแยกกัน(individual immune cell types
and statuses).
เหล่านี้ต่างถูกเล็งเป้าไปที่จะแปลความ(are aimed to
interpret)ว่าอะไรหรืออย่างไร(what or how)ที่วัคซีนนั้นมีอิทธิพลในระบบภูมิคุมกัน(the
vaccine influences the immune system).
หนึ่งในรูปแบบเซลล์ภูมิคุ้มกัน(one immune
cell type)ถูกวิเคราะห์(analyzed)คือ T-cell(the T-cells).
เซลล์ทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้ติดแน่นต่อ(don’t cling to)อนุภาคไวรัส(viral particles)เหมือนสารภูมิต้านทานทั้งหลาย(antibodies1 - สารภูมิต้านทาน). พวกมันแค่ค้นหาและทำลาย(search
And
destroy)เซลล์ที่ติดเชื้อโดยไวรัส(infected by viruses).
ผู้ตอบสนองทั้งหลาย-อันดับแรก(first-responders)ต่อการติดเชื้อ(infections)ได้ถูกตรวจ สอบด้วยเช่นกัน(are
also examined). การค้นพบได้เผยออกมาว่า(finding revealed)ว่า โดสแรกสามารถเตรียมพร้อมให้กับระบบภูมิคุ้มกัน(first dose
could prime the immune system)ต่อกับ SARS-CoV-2.
โดสที่สอง(the second
dose)ทำงานสุดท้าย(does the final job)ที่จะไปต่อไปถึงการกระตุ้นต่อ
สารภูมิต้านทาน(to further stimulate antibody)และ T
cell ให้ตอบสนองต่อไวรัสนั้น(against the virus).
นอกจากนี้แล้ว(moreover), โดสที่สองนี้(the second dose)สามารถลั่นไก(could
trigger)การใช้ประโยชน์ของกลุ่มที่ถูกค้นพบใหม่ของเซลล์ทั้งหลายที่ตอบสนอง-อันดับแรก(the
mobiliza-tion of a newly discovered group of first-responder cells).
เหล่านี้คือเซ็ตย่อยของเม็ดโลหิตขาวทั้งหลาย(a
subset of monocytes2)ในรูปแบบที่
ค่อนข้างเงียบและต่ำในจำนวนตัวเลข(typically
quiet and low in numbers).
ถึงแม้ว่าเซ็ตย่อยนี้(this subset)สามารถช่วยเหลือในการต่อสู้ไวรัสทั้งหลาย(can help fight viruses), มันไม่ใช่เป็นการคล่องแคล่วว่องไวตามธรรมดา(it is commonly
active)ในระหว่าง โควิด-19(during
COVID-19).
แต่วัคซีนPfizerสามารถปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้น(the
Pfizer vaccine could wake up)และพาพวกเขามาร่วมงานเลี้ยง(bring
them to the party).
ในการศึกษา, เม็ดโลหิตขาวทั้งหลายนั้น(the monocytes)ประกอบอยู่เพียง 0.01%
ของเซลล์เม็ดเลือดทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่(only compose 0.01% of all
circulating blood cells)ก่อนที่จะมีการรับวัคซีน(vaccination).
หลังจากการฉีดวัคซีน(after inoculation), ตัวเลขของพวกเขาโป่งออก 100 เท่า(their ballooned
100 times)ที่ในตอนนี้มีจำนวนถึง 1% เซลล์เม็ดเลือดทั้งหมด(account
for 1% of all blood cells).
และเมื่อพวกเขาถูกกระตุ้น(activated), เม็ดโลหิตขาวเหล่านี้(these monocytes)สามารถแสดงอวดการป้องกันกว้างขวางเป็นพิเศษ(could
exhibit uniquely broad protection)ต้านทานไวรัสแตกต่างทั้งหลาย(against
different viruses).
โดสแรก(the first dose)อาจจะเตรียมตัวระบบภูมิคุ้มกันของคุณ(may
prep your immune system)ต้านทานกับไวรัสโคโรนา(against
the coronavirus).
กระนั้นโดสที่สองนั้น(yet the second
dose)ก็เป็นสิ่งจำเป็น(is needed)เพราะว่ามันได้ทำมากกว่าการแค่บูสต์(boost
- สนับสนุนเร่ง).
เซลล์ทั้งหลาย(cells)ที่ไม่ได้ถูกกระตุ้น(aren’t activated - ถูกกระตุ้นให้ทำงาน)ในโดสแรกนั้น(in the first dose)สามารถได้แต่เพียงถูกทำให้มีขึ้นทำงานได้(can
only be enabled)โดยโดสที่สองนี้เท่านั้น(by the second dose).
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น